บทสนทนาธรรมหลวงปู่หล้า เขมปัตโต กับ หลวงปู่บุญญฤทธิ์ ปัณฑิโต


บทสนทนาบางตอนของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต กับหลวงปู่บุญญฤทธิ์ ปัณฑิโต ณ วัดบรรพตคีรี (ภูจ้อก้อ) จ.มุกดาหาร

หลวงปู่หล้า : เมื่อไม่เอาปัจจุบันเป็นพยาน ไฉนจะสิ้นความสงสัยของตนได้ เห็นอนิจจังขณะจิตเดียวเห็นรอบโลกแล้ว เพราะโลกเต็มไปด้วยอนิจจัง เห็นพร้อมกับลมหายใจเข้าออก เห็นพร้อมขณะจิตที่พูดที่คิดที่นึก อนิจจัง อนิจจังอันละเอียดล่ะ ผู้รู้เนี่ย เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เร็วที่สุด จิตก็เหมือนกัน ติดต่อกันอยู่หาระหว่างไม่ได้ ใครว่าจิตไม่เกิดไม่ดับ ผู้นั้นเป็นมิจฉาทิฏฐินั่น เหตุฉะนั้นท่านจึงบัญญัติว่า รูป จิต เจตสิก นิพพาน ไม่ได้บัญญัติว่า จิตเป็นพระนิพพาน ไม่ได้มีบัญญัติว่าพระนิพพานเป็นจิต นั่น จิตถ้าทำถูกก็เป็นหนทางเข้าสู่พระนิพพานเท่านั้น ยืนยันแต่เพียงว่า จิตก็หลุดพ้นจากกิเลส อาสวะ นั่น ยืนยันเท่านั่น นี่พระอรหันต์ไม่ตาย ส่วนพระอรหันต์ตายแล้วบัญญัติจิตไม่ถูก เพราะไม่สมฐานะ คล้ายๆ กับแก่จะตายแล้วจะมาเรียกคุณหนูมันก็ไม่เหมาะสมน

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : วิสงฺขารคตํ จิตฺตํ...จิตตถาคตหยั่งลงสู่วิสังขารแล้ว

หลวงปู่หล้า : เพราะอยู่เหนือจิต อยู่เหนือสังขารแล้ว ไม่สำคัญว่าจิตเป็นตน ตนเป็นจิต ก็ไม่ลำบากในจิต ไม่สำคัญว่าทุกข์เป็นตน ตนเป็นทุกข์ก็ไม่ลำบากในทุกข์ สิ่งไหนถ้ามีตนเข้าไปสอดแทรกสิ่งนั้นก็มีเรื่องมาก มีเรื่องมาก เรื่องมีมาก สิ่งไหน ถ้าเข้าไปสำคัญสอดแทรกว่า ตัวกู ของกูก็ต้องตามไปด้วย นั่น เมื่อของกูตามไปด้วย ทีนี่ของมึงก็ตามมาด้วย นั่น แล้วก็เกิดทะเลาะกัน นั่น ถูกไหม

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ไอ้ตัวสตินี่ อริยสัจสี่ ถ้ามันเกิดขึ้นทีเดียว มันก็สำเร็จกิจหมดแล้ว อริยสัจสี่ นิพพานมันเรียบร้อยหมดแล้ว

หลวงปู่หล้า : ถูก ถูก

หลวงปู่หล้า : พระอรหันต์เป็นผู้มีสติเต็มที่ เพื่อจะไม่ให้ใครโกรธท่านด้วยอาบัติ ด้วยสติวินัย สติในไตรโลกธาตุไม่เท่าสติพระอรหันต์ สติพระอรหันต์จะมีญาณสัมปยุตอยู่ด้วยความเคยชิน ไม่ต้องลำบากรักษาสติ แต่ก็สอนให้รักษาสติ เหมือนกัน เช่น อธิกรบางอย่างก็บอกว่า สติวินัย พระอรหันต์ทำผิดไม่มี พระอรหันต์ไม่ได้ทำผิด เพราะไม่มีเจตนา พระอรหันต์ลืมสติไหม ลืมเป็นบางครั้งบางคราว เช่น ลืมเก็บเภสัชไว้เจ็ดวันเป็นต้น หรือลืมอธิษฐาน หรือปราศจากจีวร เป็นต้น แต่นานๆที่สุด แต่ไม่มีเจตนาในองค์ท่าน

หลวงปู่หล้า : เจตนาไม่มีในพระอรหันต์

หลวงปู่หล้า : จิตบริสุทธิ์แล้ว ไม่จำเป็นจะรักษาจิตแล้วอีก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : สติส่วนนี้เป็นส่วนโลก มิใช่สติโลกุตตระ สติโลกุตตระมีหน้าที่ รู้แจ้งอริยสัจสี่นิพพานเท่านั้น

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ทำลายอุปาทานขันธ์ห้าเท่านั้น

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่หล้า : ถ้าอุปาทานขันธ์ไม่มีแล้ว มันก็หมดปัญหาที่จะพูด

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : อันนี้มันเศษ

หลวงปู่หล้า : เศษมัน

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ (หัวเราะ)

หลวงปู่หล้า : เศษมัน

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ (หัวเราะ)

หลวงปู่หล้า : ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ (หัวเราะ)

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : เรื่องสตงสติ กินน้ำแข็ง น้ำชา นี่มันเศษมัน

หลวงปู่หล้า : เศษมัน

หลวงปู่หล้า : จะมาหาพระอรหันต์ ในสกลร่างกายมันไม่เจอมันไม่เจอะไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในขันธ์ห้ามันก็ไม่เจอไม่เจอะไม่พบ จะมาหาพระอรหันต์ในบุคคลมันไม่เจอไม่เจอะไม่พบ

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : หลวงปู่แหวนท่านว่า ระเบิดขันธ์ห้าเสียก่อนท่านว่า ทีแรกผมว่าระเบิดอย่างไรกันหนอ

หลวงปู่หล้า : ระเบิดก็คือทำลายลงสู่อนัตตา ระเบิดก็คือทำลายลงสู่อนัตตา รูปังอนัตตา เวทนาอนัตตา สัญญาอนัตตา สังขาราอนัตตา วิญญาณังอนัตตา สัพเพสังขาราอนิจจา สัพเพธัมมาอนัตตาติ พระบรมศาสดาเมื่อทรงมีชีวิตอยู่ได้ทรงเทศน์ขันธ์ห้า มากกว่าเพื่อน

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ตัวสติแท้ๆ มันเกิดไวไม่ทันรู้ตัวหรอก

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : แป๊บ ยิ่งกว่าไฟฟ้า

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ทีเดียว มันก็ทำลายโมหะหมดแล้ว มากน้อย

หลวงปู่หล้า : สติ

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : มันไม่ทันรู้ตัว ถ้ามันเกิด มันเกิดหนเดียว แล้วก็ดับไป...
.
หลวงปู่หล้า : ความรู้ตัวตอนนั้นมันก็มีอยู่ในตัว ไม่ต้องแต่งมันแล้ว มันเร็วที่สุด

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ตัวที่มันเป็นมรรคแท้ๆ มันเกิดไม่ทันรู้ตัว

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : มันแวบเดียว มันไม่ถึงวินาที

หลวงปู่หล้า : ถูก มรรคจิต

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : มันไม่มีถามตอบอะไร มันแป๊บ มันเหมือนกับมือไปจี้ไฟ มันก็ร้อนลย

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ไอ้สติที่ว่าเอาไว้เดินเหินข้างนอก เอาไว้ใช้ในโลก เท่านั้นเอง

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่หล้า : ถ้าไม่มีทุกข์ก็ไม่ต้องปฏิบัติออกจากทุกข์ มันมีทุกข์จึงปฏิบัติออกจากทุกข์ เราหนีทุกข์หรือให้ทุกข์หนีจากเรา เรารู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็หนีเอง ถ้าเราไม่รู้เท่าทุกข์ ทุกข์ก็ไม่หนี เราลืมตาเข้ามืดก็ออกไปเอง ไม่ต้องไล่ฮือๆฮาๆ เว้นไว้แต่ประสาทตาไม่มีหรือในที่มืด บางท่านพูดบอกว่าละอันนั้น ละอันนี้มันก็ถูกอยู่ เพื่อแสดงเป็นบุคคลธิษฐานเป็นกิริยา ไอ้แท้ๆ เมื่อมันรู้เท่ามันละเองมัน

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ถ้าอริยสัจสี่มันยังไม่เกิด มันยังไม่ละหรอกครับ

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : มันก็ได้แต่ปากว่าเท่านั้นหล่ะ ละได้แค่นิดๆหน่อยๆ มันไม่สมบูรณ์อะไร สังโยชน์มันไม่ขาด

หลวงปู่หล้า : มันไม่รู้เท่า

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : สังโยชน์มันไม่ขาด

หลวงปู่หล้า : ถูก สังโยชน์เครื่องผูกใจ สักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : แต่ถ้ามันขาดถึงสามอันก็เอาละ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ (หัวเราะ)

หลวงปู่หล้า : สามอัน ถ้าขาดสามอันแล้ว อันอื่นค่อยขาดไปเอง

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ครับ เหมือนกับงูตัดหัวแล้ว

หลวงปู่หล้า : ถูก

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : อยู่ไม่ได้หรอก

หลวงปู่หล้า : ถูก ถ้าขาดสามอันแล้วอันอื่นขาดไปเอง

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : ขาดสามอันแล้ว พุทธโธ ธัมโม สังโฆ นิพพานไม่มีสงสัย

หลวงปู่หล้า : ถูก ถูก ฟังออก ร้อยเปอร์เซ็นต์ ล้านเปอร์เซ็นต์เลย

หลวงปู่บุญฤทธิ์ : แต่มันยากอาจารย์ เพราะคนที่สร้างบารมีมา มันมีน้อยลงไปทุกทีๆ

หลวงปู่หล้า : แต่ว่า เมื่อเห็นว่าสิ่งไหนไม่เป็นประโยชน์ สิ่งนั้นไม่ต้องพยายามละ มันทิ้งเองตูมเลย เห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ เหมือนน้ำลาย ถ้ามันเห็นชัดว่ามันไม่มีประโยชน์มันก็บ้วนทิ้ง มันก็ไม่เสียดายเอาคืนมาอีกด้วยปัญหาก็ไม่มีในน้ำลายนั้น ระวังข้าเน้อ จะเอาน้ำลายมากินอีก มันก็ไม่ได้ว่า เราก็ไม่ระวังเราจะเอาน้ำลายมาอีก เพราะเราเห็นว่าไม่เป็นประโยชน์ ใครๆก็เหมือนกัน ทุกท่านล่ะ ถ้าเห็นอันนี้ไม่เป็นประโยชน์ชัด มันก็ทิ้งตูมเลย ที่มันทิ้งไม่ได้เพราะมันเห็นว่ายังมีประโยชน์ มันยังมีมิจฉาทิฏฐิในตอนนั้นอยู่

สาธุ...

แชร์เรื่องราวธรรมะดีๆ

0 ความคิดเห็น: