ท่องถิ่นธรรม "ภูวัว" ธรรมสถานดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ท่องถิ่นธรรม "ภูวัว" ธรรมสถานของหลวงปู่ขาว อนาลโย , หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตฺโต , หลวงปู่ฝั้น อาจาโร , หลวงปู่วัง ฐิติสาโร , หลวงปู่คำดี ปภาโส , หลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ , หลวงปู่สมชาย ฐิตวิริโย , หลวงปู่อุทัย สิริธโร , หลวงปู่เสถียร คุณวโร , หลวงปู่สุพิศ กันตจาโร เป็นต้น
ครั้งหนึ่งหลวงปู่ฝั้น อาจาโร กับหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย (จากประวัติหลวงพ่อสมชาย สมัยที่ยังพรรษาน้อยๆ เป็นพระครูบาอยู่) ท่านทั้งสองได้ออกบำเพ็ญสมณธรรมร่วมกันที่ภูวัว หลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย ได้ไปกางกลดอยู่ใกล้โขดหินแห่งหนึ่ง เขาเรียกตรงสถานที่แห่งนั้นว่า หินก้อนน้ำอ้อย (หินค้างหิน) ที่ตรงนั้นเป็นทางผ่านของ สัตว์ร้ายมีช้างและเสือผ่านไปมาแทบทุกคืน นับว่าเอาชีวิตไปเสี่ยงกับภัยอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อหลวงปู่ฝั้นได้ทราบเข้า จึงพูดปรารถกับหลวงพ่อสมชายว่า "เมื่อคืนผมนอนไม่หลับ ผมเป็นห่วงครูบา"หลวงปู่สมชายจึงกราบเรียนถามหลวงปู่ฝั้นด้วย กริยาอันอ่อนน้อมและเคารพว่ามีเรื่องอะไรหรือครับผม"หลวงปู่ฝั้นตอบว่า "ก็ครูบาอยู่องค์เดียวและอยู่ตรงทางผ่านของมันด้วย" (หมายถึงทางผ่านของเสือและช้าง)
หลวงพ่อสมชาย จึงกราบเรียนหลวงปู่ฝั้นว่า"ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็น ห่วงกระผมมากเกินไป เพราะกระผมได้อุทิศทุกอย่างแล้ว เพื่อปฏิบัติบูชาพระรัตนตรัย"
หลวงปู่ฝั้นคัดค้านว่าไม่ได้ ๆ คืนนี้ผมจะไปภาวนาอยู่เป็นเพื่อนครูบา' พอถึงตอนเย็น หลวงปู่ฝั้นก็ได้เตรียมบริขารเพี่อจะไปอยู่เป็นเพื่อน หลวงพ่อสมชายจึงได้จัดที่พักของท่านซึ่งได้อยู่เป็นประจำนั้นถวายหลวงปู่ฝั้น และได้ช่วยกางกลดถวายหลวงปู่เรียบร้อยแล้ว ท่านเองก็ได้ย้ายที่พักไปกางกลดอยู่คนละฟากคลอง ในระหว่างทางผ่านมีเหวลึกมาก ซึ่งไม่เหมาะแก่สัตว์ร้าย มีเสือ และช้าง ที่จะผ่านไปมาย่อมไม่สะดวก จึงแน่นอนที่สุดถ้าสัตว์ร้ายมาจะต้องผ่านไปทางที่หลวงปู่ฝั้น ท่านพักอยู่
ในคืนแรกที่หลวงปู่ฝั้นไปพักอยู่ด้วย ยังไม่ทันข้ามคืนเสีย ช้างป่าก็มาพอดี ช้างโขลงนั้นกะประมาณหลายสิบเชือก คืนนั้นพอตกดึกเงียบสงัดฟังเสียงช้าง หลายสิบเชือกเดินมาในป่ารกชัฏ ประกอบพร้อมกับบางแห่ง เป็นลานหินบนภูเขา ฟังเสียงอยู่ไกลๆ จึงออกจะคล้ายกับเสียง ลมพายุพัดต้นไม้แรงๆ เสียงต้นไม้หักไม่ขาดระยะ และเสียงนั้น ก็คืบคลานใกล้เข้ามาๆๆ ทางด้านหลวงปู่ฝั้นทุกขณะ สำหรับผู้ชำนาญป่าอย่างพระกรรมฐาน พอได้ยินเสียงดังนั้นก็ทราบได้ทันทีว่า เป็นเสียงโขลงช้างอย่างแน่นอน
เมื่อหลวงพ่อสมชายเห็นว่าสถานการณ์อันหฤโหดกำลัง จะเกิดทางด้านหลวงปู่ฝั้น ด้วยนิสัยที่เด็ดเดี่ยว และมีความเป็น ห่วงครูบาอาจารย์ ท่านจึงได้รีบออกจากมุ้งกลดข้ามคลองมาหาหลวงปู่ฝั้นทันที เพื่อรับสถานการณ์ร่วมกัน พอท่านมาถึงที่อยู่ของหลวงปู่ฝั้น หลวงพ่อสมชายก็ได้รีบกราบเรียนหลวงปู่ฝั้นทันทีว่า "ท่านอาจารย์จะทำอย่างไรดี มันจวนเข้ามาเต็มทีแล้ว'' หลวงปู่ฝั้นจึงตอบว่า "จะทำอย่างไรดีล่ะ ผมก็ไม่มีทาง แล้ว" หลวงปู่สมชายจึงได้รีบหาสถานที่เพี่อหลบภัยถวายหลวงปู่ฝั้น ในที่สุดก็ได้พบโขดหินโขดหนึ่ง ซึ่งเห็นว่าถ้าขึ้นไปอยู่บนนั้นได้ก็จะเป็นที่ปลอดภัย
หลวงพ่อสมชายจึงได้กราบเรียนให้หลวงปู่ฝั้นทราบ พร้อมกับท่านได้ขึ้นไปอยู่ข้างบนก้อนหิน แล้วยื่นมือลงมาให้หลวงปู่ฝั้นจับแล้วปีนป่ายขึ้นไปบนนั้น พอขึ้นไปถึงบนโขดหินแล้ว เห็นว่าอยู่ในเขตปลอดภัยพอสมควรแล้ว หลวงปู่ฝั้นจึงได้หยิบเอาหวอไม้ไผ่ในย่ามออกมาเป่า ว๊อก ก ก ว๊อก..ๆ..ๆ สองสามครั้ง พอสิ้นเสียงหวอที่หลวงปู่ฝั้นเป่า ในทันทีนั้นช้างทั้งโขลงก็แตกตื่นพากันวิ่งกลับไปด้วยความตกอกตกใจ เสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งป่า ครู่ต่อมา สถานการณ์ก็คืบคลานเข้าสู่สภาพปกติ
และในคืนนั้นหลวงพ่อสมชาย ฐิตวิริโย ก็ได้พักอยู่เป็นเพื่อนหลวงปู่ฝั้น อาจาโร จนรุ่งสว่างของวันใหม่ การออกธุดงค์กรรมฐานในครั้งนั้น หลวงปู่ฝั้นกับหลวงปู่สมชายก็พักบำเพ็ญอยู่หลายเดือน จนเห็นว่าพอสมควรแก่เวลาแล้ว จึงได้พากันกลับออกมา
อีกทั้งสถานที่แห่งนี้องค์พ่อแม่ครูอาจารย์พระหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ยังได้เคยไปเยี่ยมเยียนอยู่หลายครั้งหลายหน ท่านเคยกล่าวถึงภูวัวไว้ว่า...
"..เริ่มแรกก็คือท่านอาจารย์ฝั้น ท่านไปเที่ยวผ่านมาตรงนั้น ท่านอุทัยก็เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ฝั้น ท่านเลยไปอยู่ที่นั่น ก็เลยอยู่เรื่อยมา โคจรบิณฑบาตก็พอดีกับพระนั่นละ คือสอง หรือสามองค์เป็นอย่างมาก นี่ก็ได้ทราบมานานพอสมควร พอได้โอกาส คือเราตั้งใจจะไปดู แต่ไม่มีโอกาส ทีนี้ได้โอกาสก็ไปดูจริง ๆ ลงรถแล้วเข้าไปหมดเลย เข้าในป่าในเขาลูกนั้น เที่ยวหมด ไปที่ไหนเหมาะสม ๆ โอ๊ พระมีสองสามองค์ พอเที่ยวมาหมดแล้วก็บอกท่านอุทัยเลย ทุ่มใส่กันเลย คือผมไปเที่ยวมาหมดแล้วท่านอุทัย ผมหายสงสัยในสถานที่นี่ เป็นสถานที่จะเพาะอรรถเพาะธรรม มรรคผลนิพพานอยู่นี้สมบูรณ์ นี่เป็นสถานที่ชั้นเอก ตั้งแต่นี้ต่อไป
"..เริ่มแรกก็คือท่านอาจารย์ฝั้น ท่านไปเที่ยวผ่านมาตรงนั้น ท่านอุทัยก็เป็นลูกศิษย์ของท่านอาจารย์ฝั้น ท่านเลยไปอยู่ที่นั่น ก็เลยอยู่เรื่อยมา โคจรบิณฑบาตก็พอดีกับพระนั่นละ คือสอง หรือสามองค์เป็นอย่างมาก นี่ก็ได้ทราบมานานพอสมควร พอได้โอกาส คือเราตั้งใจจะไปดู แต่ไม่มีโอกาส ทีนี้ได้โอกาสก็ไปดูจริง ๆ ลงรถแล้วเข้าไปหมดเลย เข้าในป่าในเขาลูกนั้น เที่ยวหมด ไปที่ไหนเหมาะสม ๆ โอ๊ พระมีสองสามองค์ พอเที่ยวมาหมดแล้วก็บอกท่านอุทัยเลย ทุ่มใส่กันเลย คือผมไปเที่ยวมาหมดแล้วท่านอุทัย ผมหายสงสัยในสถานที่นี่ เป็นสถานที่จะเพาะอรรถเพาะธรรม มรรคผลนิพพานอยู่นี้สมบูรณ์ นี่เป็นสถานที่ชั้นเอก ตั้งแต่นี้ต่อไป
ท่านจะรับพระเท่าไร ๆ ให้ท่านรับได้ ตั้งแต่บัดนี้ต่อไปละ พอไปถึงวัดผมจะจัดของส่งมาเอง ท่านจะรับพระจำนวนมากน้อยเพียงไรตามแต่ท่านเห็นสมควร ถ้าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบให้มาเลย เว้นแต่พระที่โกโรโกโส ไล่ลงภูเขาให้หมด มันเสียศักดิ์ศรีภูเขาลูกนี้ ถ้าพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เอาๆ มาบอกงั้นเลย มาเท่าไรผมจะรับเลี้ยงเต็มความสามารถทีเดียว หากว่าไม่สามารถจะรับเลี้ยงได้ผมจะบอกว่างั้นแหละ ตั้งแต่นั้นก็ทุ่มกันลงเลย เรียกว่าชีวิตของวัดภูวัวอยู่ในนี้หมด.."
0 ความคิดเห็น: